หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ตามรอยหนาวไป “ปราก” กับนักเขียนหัวใจเดินทาง  ‘เนตรนภา แก้วแสงธรรม’

“เสน่ห์เช็ก” เรื่องเล่าจากนักเดินทาง

บทสัมภาษณ์เนตรนภา แก้วแสงธรรม

เมื่อปี 2550 เมื่อครั้ง กรุงปราก เป็น new destination สำหรับคนไทย 

หลายคนเบื่อเวลาพูดถึงเรื่องเที่ยวยุโรปทีไร กระเป๋าสตางค์สะดุ้งทุกที เพราะถึงแม้ทุกวันนี้ค่าเงินบาทจะแข็งโป๊ก

แต่ยังไงๆ การไปเที่ยวยุโรป ก็ยังดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่อยากเห็นความสวยๆ งามๆ ในบรรยากาศหรู คลาสสิค แบบเมืองเก่าอยู่ดี


นักเขียนในบ้านเราทุกวันนี้ มีมากกว่าดอกเห็ด แต่จะเป็นเห็ด หลังทิ้งผลงาน ‘ลมหนาวในปารีส’ ติดชาร์ทหนังสือขายดีอันดับหนึ่งของร้านหนังสือได้ไม่นาน ‘เนตรนภา แก้วแสงธรรม’

กลับมาอีกครั้งกับผลงานล่าสุด ‘ปรากในรอยหนาว’ สารคดีเชิงท่องเที่ยวที่จะทำให้คนอ่านสนุกไปกับการท่องเที่ยวเชิงตำนาน ศิลปะ และภาพการเดินทางที่นำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงมากมายในชีวิตของเธอ

โดยส่วนตัวแยกการเดินทาง การท่องเที่ยว ออกจากกันอย่างไร


ระหว่างการเดินทาง กับการท่องเที่ยวนั้น หลายคนก็คงบอกว่า แตกต่างกัน ความแตกต่างในมุมมองของตัวเองมองว่า ถ้าพูดในความหมายของการเดินทางนั้นหมายถึง การเดินทางที่ให้ความสำคัญในระหว่างทางที่ไปด้วย แต่สำหรับการท่องเที่ยวนั้น ความสำคัญอาจจะมองไปที่จุดหมายปลายทางที่ไป ที่สำคัญนักเดินทางนั้น ระหว่างทางที่เดินไปนั้นจะต้องมองข้ามความสะดวกสบาย และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางนั่นแหละคือความสนุก

วางตัวเองเป็นอะไร


จริง ๆ อยากจะเป็นนักเดินทาง แต่ด้วยความที่สไตล์ส่วนตัวเป็นคนที่รักสบาย (หัวเราะ) เหมือนคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่ไม่อดทนต่อการดั้นด้นอะไรมาก จึงถือว่ายังเป็นนักเดินทางระยะต้นอยู่ เคยไปหลายๆ ประเทศ แต่ในหลายครั้งก็ไม่ลุย และในหนังสือจะสารภาพกับผู้อ่านเสมอว่าเรายังรักสบาย

และคิดว่าการที่คนเราจะเรียกตัวเองเป็นนักเดินทางได้ คงต้องสะสมการเดินทางมาพอสมควร จนรู้ว่าต้องเดินทางอย่างไร ตอนนี้จึงยังไม่เรียกตัวเองว่าเป็นนักเดินทาง เรียกว่าเป็นนักชอบเที่ยวดีกว่า

ความสุขในการเดินทางของคุณ คืออะไร


การที่เราได้ไปในสถานที่ที่เราไม่เคยได้จินตนาการมาก่อน เหมือนเราได้เข้าไปในโลกแห่งจินตนาการ เช่น การไปที่ยังเมืองเวนิสที่เราอาจจะเคยเห็นเมืองนี้ในโทรทัศน์ หรือโปสเตอร์ ก็ยังไม่เท่ากับการที่เราไปเห็นภาพ 360 องศา ฉะนั้น ความสุขของการเดินทาง โดยส่วนตัวมองว่าอยู่ที่บรรยากาศ คำว่า บรรยากาศ หมายถึง ลมหายใจที่สูดเข้าไป ภาพที่ตาเห็น ยิ่งเป็นภาพแรกที่เราได้เห็น มันจะได้ความรู้สึกแปลกใหม่ เป็นเหมือนเสน่ห์ เป็นยาเสพติด ที่ทำให้เราอยากไปยังเมืองนั้นอีก แต่ละเมืองก็จะมีบรรยากาศที่แตกต่างกันไป บางครั้งก็เรียกมันว่า “กลิ่น” เช่น กลิ่นของลมหนาวในปารีสที่อาจจะติดตัวเราไปตลอด หรือ เมืองฟอเรนที่มันมีความสงบ บรรยากาศที่สงบ ขรึม งาม ในขณะที่เวนิส อาจจะให้ความรู้สึกสง่างามน่าเกรงขาม เก่าแก่ น่าเคารพ

จุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณได้เยือนปราก


คงต้องบอกว่า มันเป็นความบังเอิญที่ทำให้เรารู้สึกว่า เมืองบางเมืองที่เราไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะได้ไป แต่จังหวะชีวิตที่เราพร้อมที่จะเดินทางทำให้เราได้ไป ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ปรากเป็นเมืองที่มีคนเคยชวนไปเที่ยว แต่ก็ไม่ได้ไป เพราะตอนนั้นจังหวะยังไม่พร้อม และความสนใจยังมีไม่มากพอ แต่วันหนึ่ง เมื่อเราได้ไปเจอคนแปลกหน้าพูดเชิญให้เราได้เยือนเมืองเกิดของเขา ด้วยความที่เรามีจิตวิญญาณของการอยากเดินทางที่อยู่ในตัวตลอดเวลา พอได้ยินปุ้บมันทำให้เราตอบรับได้อย่างไม่กลัว โดยส่วนตัวมองว่า นักเดินทางและนักท่องเที่ยวจะมีสัญชาตญาณนักผจญภัยอยู่ในตัว พอเขาชวนให้ไปสิ ซึ่งคำชวนอย่างนี้เราได้ยินบ่อย ๆ จากชาวต่างชาติ แต่สำหรับบางคนแล้ว ได้ยินไม่ได้ ได้ยินแล้วต้องไป (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นอย่าได้เชิญ ในโลกทุกวันนี้มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราต้องรู้จักคุยกับคนแปลกหน้า เหมือนกับหนังสือ ถ้าเราอ่านแต่เนื้อหา หรือประเด็นที่เราชอบ เราอาจจะได้ความสุขที่ได้อ่าน แต่เราจะไม่ได้อะไรที่แปลกใหม่ ลองเอาคอลัมน์ หรือเอาหนังสือที่เราไม่เคยอ่าน มาอ่าน หรือรายการทีวีที่เราไม่เคยชอบมาลองดู ก็จะทำให้เราได้เห็นสีสันที่แปลกใหม่ เช่นเดียวกับการคุยกับคนแปลกหน้า เราจะรู้สึก Amezing นั่นจะทำให้เรารู้สึกว่า โลกของเราน่าอยู่ โลกของเรากว้างขึ้น ในขณะที่ ถ้าเรากลัวที่จะคุยกับคนแปลกหน้า เราก็จะไม่ได้อะไรใหม่เลย จะอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ฉะนั้น จุดเริ่มต้นในการไปเที่ยวปราก หนึ่ง คือ สัญชาติญาณในการผจญภัยของนักท่องเที่ยวในตัว สอง คือ การเปิดโอกาสให้กับตัวเอง ไว้วางใจคนแปลกใจ และคุยกับคนแปลกหน้า ซึ่งมันก็ไม่ใช่ 100 เปอร์เซ็นต์ที่เราไว้ใจได้ แต่เราก็ต้องรู้จักวิธีคบ รู้เท่าทัน

ไฮไลท์ของการไปเที่ยวปรากครั้งนี้ คืออะไร


ฤดูกาลที่ไป เนื่องจากได้ไปในช่วงใกล้คริสต์มาส ทำให้เราได้เจอบรรยากาศการเฉลิมฉลอง สองคือ บรรยากาศของหิมะที่หนาวสุด ๆ จึงทำให้ปรากอยู่ในความหนาวที่สวยด้วยสีพลาสเทล แม้ปรากเป็นเมืองเล็ก ๆ ก็จริง แต่ยิ่งใหญ่สำหรับนักท่องเที่ยวนะ เพราะมันเที่ยวได้ทุกจุด ทุกหัวมุมถนน และเราหาความงดงามได้ทุกหัวมุมตึก การเดินทางบางครั้งเราไม่ได้ตั้งความหวังมาก่อน แต่ใครจะรู้ว่ามันอาจจะเป็นชะตาชีวิต เหมือนการเดินทางครั้งนี้ทำให้เราได้รู้จักคนใหม่ ๆ และกลายมาเป็นคนที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และไม่ใช่แค่เพื่อนใหม่ระหว่างทาง กลับมาเราก็ยังได้ติดต่อกันอีก ทำให้เราได้กลับไปเที่ยวอีกหลายครั้ง และจากการเดินทางครั้งนี้ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรอย่างหนึ่ง คือ เราอาจจะเกิดในดินแดนหนึ่ง แต่เราอาจจะมีบ้านอีกหลังหนึ่งที่ไกลออกไป และเชื่อว่านี่คือสิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคน เมื่อเดินทางไปหลาย ๆ ประเทศแล้วจะมีบ้านหลังที่สอง บ้านที่แม้เราจะกลับมาแล้วก็ยังคิดถึง ซึ่งจากที่ไปเที่ยวมาหลาย ๆ ประเทศ เราก็รู้ว่า ปราก คือบ้านหลังที่สองที่เลือกแล้ว.... และโดยส่วนตัวเชื่อว่า สิ่งหนึ่งที่เกิดจากการเดินทาง มันไม่ใช่แค่การไปเที่ยว แต่มันคือ การไปค้นหาบ้านหลังที่สองด้วย....
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดเป็นหนังสือ “ปรากในรอยหนาว” ขึ้นมา ด้วยความประทับใจแรกที่ยังฝังใจ และเป็นการทำความรู้จักปรากครั้งแรกของเรา

เสน่ห์ของปรากในความคิดของคุณ


ปรากเป็นเมืองที่ต้องรู้ตำนานของเขาจึงจะเที่ยวอย่างสนุก และซาบซึ้ง จะมีเสน่ห์มากขึ้น แต่ถ้าคุณไม่รู้ตำนานของที่นี่ ก็อาจจะเห็นแค่ตึกเก่า ปรากถือเป็นเมืองที่มีตำนานเยอะมาก แต่เราคัดสรรมาเพียงส่วนหนึ่ง ยกตัวอย่างฝรั่งเศส เขาจะมีตำนานเหมือนกัน แต่เขาจะใส่ความยิ่งใหญ่ให้มันดูน่าเกรงขาม หรือเมืองอิตาลี ด้วยความเก่าแก่ และยิ่งใหญ่ก็จะเล่าผ่านความยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ แต่สำหรับปราก ด้วยความที่เขามีศิลปะ และกอปรกับเขาถูกบลอกจากความเป็นคอมมิวนิสต์ ทำให้เขาต้องเลี่ยงโดยการเล่าผ่านประวัติศาสตร์ ผสมผสานกับความเป็นจินตนาการผ่านตำนาน เอาความจริงมาแปลงเป็นตำนาน ที่สำคัญเป็นตำนานที่สนุก มันเป็นวัฒนธรรมของเขา นี่คือเสน่ห์ของปราก แต่นอกจากความยิ่งใหญ่แล้ว อันหนึ่งจะมีตำนานเศร้า เนื่องจากเขาผ่านช่วงสงครามคอมมิวนิสต์มาเป็น 50 ปี คนส่วนใหญ่ของปรากอดยากไม่มีจะกินมาก่อน ตำนานส่วนใหญ่จึงออกมาเศร้า ทำให้เรารู้ได้อย่างหนึ่งว่า ตำนานมันเกิดมาจากประชาชนที่ไม่ได้สุขสบาย มีชีวิตที่ลำบาก แต่เจือจานความสุขภายในใจด้วยตำนาน เส้นทางที่ในหนังสือเล่มนี้ที่เล่ามาเป็นเส้นทางที่พลาดไม่ได้ ถ้าไปปรากแล้วไม่ได้ไป ถือว่ายังไม่ไปไม่ถึงปราก เราจะไม่ได้เห็นในสิ่งที่ควรเห็น แต่ถ้าเป็นการเที่ยวปรากในเชิงลึกต้องรอเล่ม 2 ที่เขียนอยู่ ซึ่งจะมีเรื่องราวของสถานที่ที่สวยที่สุด คือ พระราชวังโทจาในปราก ซึ่งมีภาพวาดในยุคสงครามกรุงทรอยขนาดเท่าสนามฟุตบอล สวยงามมาก เขาวาดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการสิ้นสุดสงครามทรอยที่ยาวนาน

บอกได้เลยว่าไม่เคยเห็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เห็นแล้วน้ำตาซึม ต้องรอดูในเล่ม 2 ต่อจากนี้ มีภาพมาฝากผู้อ่านด้วย

คนที่เหมาะกับการเที่ยวปราก


น่าจะเป็นคนที่ชอบความเล็กที่น่าจดจำ ชอบความโรแมนติก ชอบความเป็นธรรมชาติ ชอบความไม่ตกแต่ง งามแต่ไม่หรูหรา ความเรียบง่ายที่มีเสน่ห์ คนที่ไม่ชอบอะไรใหญ่ ๆ อลังการระดับโลก แต่ชอบศิลปะ แต่การเที่ยวปรากเหมือนได้เที่ยวในยุโรปในราคาแค่ครึ่ง เพราะความสวยงามของปรากนั้นไม่แพ้ปารีส อิตาลี และเมืองที่เป็น Top Hit ทั้งหลาย แต่ค่าครองชีพถูกกว่าเกินครึ่งเพราะเขายังไม่นิยมใช้เงินยูโร จะใช้เงินโครนกันส่วนใหญ่ ทำให้ค่าท่องเที่ยวยังถูก ยกตัวอย่างการเดินทาง 10 วัน ค่าใช้จ่ายในเมืองปรากไม่ถึง 1 หมื่นบาท ซึ่งเงินที่ถูกใช้จ่ายไปนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นการซื้อของฝากมากกว่า เราสามารถอยู่ได้อย่างสบาย ๆ ในปรากได้วันละ 1 พันบาท โดยไม่รวมค่าที่พัก ยกตัวอย่างการเดินทาง เราสามารถเดินทางด้วยรถรางและรถไฟฟ้าใต้ดิน เที่ยวได้ทั่วเมือง ส่วนค่าที่พักในปรากเทียบแล้ว เท่ากับโรงแรมบ้านเรา ในขณะที่เที่ยวเมืองอื่นในยุโรป เราอาจจะเสีย 50 ยูโรต่อคืน หรือ 3 พันกว่าบาท แต่ในปรากคุณสามารถพักได้ในราคา 1 พันกว่าบาทต่อคืน

มีที่เที่ยวที่ค่าเข้าราคา 16 บาทจริงหรือ


มี แค่ 10 โครน ซึ่งเป็นค่าตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ที่คุณสามารถชมภาพเขียน 99 ภาพ ซึ่งเขียนจากผ้าที่ซับพระโลหิตพระเยซู อายุ 1,000 กว่าปี นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย ๆ ที่ ที่สามารถเข้าได้แค่หลักร้อย หรือซื้อบัตรเที่ยวพิพิธภัณฑ์4 วัน 750 บาท บางคนไปเที่ยวยุโรปเมืองอื่น แค่ข้าเข้าพิพิธภัณฑ์ 700-1,000 บาท บางคนก็เลือกที่จะไม่เข้าไป ไปถ่ายรูปแค่หน้าประตูแล้วกลับ คิดว่าพอแล้ว แต่เป็นความพอแล้วแบบหลอกตัวเอง เพราะคุณไม่ได้เข้าไปเห็น ในขณะที่หลาย ๆ คนเข้าไปเที่ยว แต่กลับมาเมืองไทยด้วยความเครียด เพราะราคาแพงมาก แต่ปรากคุณสามารถเที่ยวพิพิธภัณฑ์กี่ที่ก็ได้ ในเวลา 4 วัน เพียง 750 บาท

ปัญหาที่จะพบได้ในการเดินทางในปราก


อันดับหนึ่งที่คนในยุโรปจะรู้กันดี คือเรื่องการวิ่งราวกระเป๋า มีการสำรวจในประเทศต่าง ๆ ในยุโรป ปรากเป็นเมืองที่มีคนถูกวิ่งราวมากที่สุด เป็นสิ่งที่ควรระวังมากที่สุด เพราะเขาจะทำเป็นกระบวนการ เราต้องระวัง โดยเฉพาะคนที่มาล้อมหน้าล้อมหลังเราเพื่อถามทาง เราต้องระวังกระเป๋า ให้ระวังคนยิปซี หรือคนที่แต่งตัวดี ๆ เข้ามาถามทาง อย่าประมาท

ปรากมีลักษณะของการเป็นเมืองเก่า เราควรทำตัวอย่างไรในการไปเที่ยว

ทุกที่ก็คงเหมือนกัน อยากให้นักท่องเที่ยวเคารพในความเป็นวัฒนธรรมของเขา เมื่อเราเข้าไป ก็ควรเปิดตาที่จะทำความรู้จักกับวัฒนธรรมของเขาไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเคารพในความเป็นเมืองของเขา คนเมืองก็ย่อมยินดีต้อนรับและมีน้ำใจ คนปรากถอดรองเท้าเข้าบ้านเหมือนกัน มีการกล่าวสวัสดีกันเหมือนคนฝรั่งเศส หรือแม้แต่คุณไปซื้อตั๋ว ถ้าคุณกล่าวสวัสดี แน่นอนว่าคนย่อมได้รับการต้อนรับ แม้จะเป็นสิ่งที่เราไม่ทำก็ได้ก็ตาม แต่ถ้าทำผลดีก็จะเกิดกับคุณเอง เพราะคนปรากกับคนไทย จริง ๆ คล้ายกัน คือ ถ้าเปิดใจให้ใครแล้ว เขาก็จะจริงใจกับคนนั้นเลย เพียงแต่คนปรากอาจจะไม่ได้เป็นเจ้าบ้านที่ต้อนรับ หรือยิ้มให้เราก่อน แต่ลึก ๆ คนปรากจริงใจ ขอให้เราเปิดใจให้เขาก่อน และให้เข้าใจเสมอว่า คนปรากจะไม่ใช่พวกที่สร้างภาพ ไม่โกหก

การเดินทางครั้งนี้ให้อะไรกับชีวิตคุณบ้าง


การเดินทางบางที่ให้ความประทับใจ ในขณะบางที่ก็ให้ความทรงจำในชีวิต แต่การเดินทางไปปรากครั้งนี้เป็นเหมือนทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต จากจุดเริ่มต้นที่คุยกับคนแปลกหน้า กลายเป็นว่าเราได้เพื่อน และได้การเดินทางกลับไปอีกหลาย ๆ ครั้ง เหมือนได้บ้านหลังที่สองที่เราไม่คาดคิดมาก่อน จากที่เราไม่เคยรู้จักปรากเลย แต่วันนี้เรามีเพื่อน มีพี่ มีน้อง และหนังสือเล่มนี้ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ร่วมกับเพื่อนชาวเช็กฯ ทำให้เชื่อได้ว่า การเดินทางมันไม่ใช่แค่สัญชาตญาณของการออกไป แต่เป็นสัญชาตญาณของการคบคน การเรียนรู้คน และการใช้ชีวิต ทำให้เรากล้าเผชิญโลก เหมือนบทเรียน ไม่ใช่แค่เที่ยว มันเป็นการลงทุนในชีวิตที่คุ้มค่า ขอแค่เดินทางให้เป็น แล้วการเดินทางจะให้อะไรมากกว่าแค่ความทรงจำ



‘ปราก’ เมืองร้อยตำนาน ล้านเรื่องเล่า

ถ้าใครที่ชอบเที่ยวแบบเทพนิยายปรัมปรา
สัมผัสตำนานเมือง เรื่องเล่าขลังเก่าแก่
คลาสสิคเหมือนเจ้าหญิงแบกเป้พลัดหลง
ต้องเที่ยว ‘ปราก’

เรื่องเล่าการเดินทางแสนคลาสสิคในเมืองร้อยตำนาน ล้านเรื่องเล่า ที่จะทำให้คุณได้กลิ่นเทพนิยายตลอดเส้นทาง...


ปรากได้รับการขนานนามว่า “หัวใจของยุโรป” เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของทวีปยุโรป เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยทองคำ ศูนย์กลางของนักเล่นแรแปลธาตุ มีคนเคยบอกว่า หากจะบอกว่า กรุงโรมสร้างจากภูเขาทั้งเจ็ด ปรากก็สร้างจากภูเขาทั้งเก้า จนทำให้เมืองเล็กๆ บ้านเรือนงดงามแห่งนี้มีสโลบที่งดงามไปทั่วเมือง ปรากเป็นเมืองหนึ่งในประเทศเช็กฯ ตั้งอยู่ในหุบเขาใจกลางทวีปยุโรป

พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นหุบเขา มีประชากรแต่ 10 ล้านคน ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตั้งแต่การล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในปี ค.ศ.1989 เป็นเมืองอากาศไม่ต่างจากยุโรปที่หนาวแทบทั้งปี จะมีอากาศดีปีละ 3-4 เดือน

ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดเห็นจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือน พฤษภาคม-ตุลาคม ที่สำคัญ ปรากเป็นเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวมาเยือนเมื่อต้นทศวรรษ 1990 จึงถือว่ายังเป็นเมืองใหม่ที่น่าเที่ยว อีกทั้งค่าเงินที่เรียกว่า “โครน” เมื่อเทียบกับเงินไทยแล้วไม่ห่างไกลกันนัก

ซึ่งก่อนค่าเงินจะเปลี่ยนเป็นยูโร ปรากจึงถือเป็นเมืองที่น่าเที่ยวที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป และสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นเสน่ห์ของปราก คือ ความเป็นเมืองแห่งตำนาน

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไปเที่ยวปรากโดยไม่มีความรู้เรื่องตำนานของเขา คุณอาจจะเห็นแค่ตึกเก่า คร่ำคร่าที่ไม่อะไรน่าสนใจ แต่หากใครที่รู้ตำนานของปราก และสถานที่ต่างๆ ก็จะทำให้การเที่ยวครั้งนั้นของคุณได้สนุกสนาน ซาบซึ้ง ไปกับจินตนาการ การผจญภัยในเมืองเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ในใจใครหลายคน

นี่แหละ เสน่ห์ของปราก....  

 


  Tips : การเที่ยวเมืองแห่งตำนาน 

  • ไม่ต้องสนใจว่าคนปรากจะยิ้มให้คุณหรือเปล่า เพราะคนปรากยิ้มไม่เป็น ให้สนใจแค่กระเป๋าของคุณเอง
  • ควรเรียนรู้ศิลปะ สถาปัตยกรรม และตำนานของปรากจะทำให้คุณเที่ยวปรากได้อย่างสนุกขึ้น 
  • ข้อนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะบอก แต่ขอบอกหน่อย ในขณะที่ปรากแสดงความเข้มงวดต่อนักท่องเที่ยว แต่สิ่งหนึ่งที่แสดงความจริงใจและความมีน้ำใจของคนปรากก็คือ บัตรท่องเที่ยวแบบ 4 วัน สำหรับเข้าพิพิธภัณฑ์ และพระราชวังของปรากในราคา 750 บาท 
  • การเที่ยวโดยรถไฟใต้ดิน คุณต้องศึกษาการใช้ตั๋วรถไฟใต้ดินให้ดี ไม่อย่างนั้นจะโดนปรับ โดยคนที่ใส่เสื้อเหมือนคนกวาดถนนบ้านเรา เขาคือเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว ถ้าคุณโดนปรับ ให้ยอมโดนปรับไปอย่างสง่างาม เพราะคนกลุ่มนี้จะไม่ค่อยฟังความคิดเห็นของคนเท่าไหร่ และถือเป็นคนที่ดุที่สุดในปรากก็ว่าได้



ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ section จุดประกาย