ทัวร์ส่วนตัวยุโรป (ITY017) อิตาลีแบบแกรนด์แกรนด์ (GRAND GRAND ITALY) 15 วัน 14 คืน

ทัวร์ส่วนตัวยุโรป อิตาลีแบบแกรนด์แกรนด์ (GRAND GRAND ITALY) 15 วัน 14 คืน

เริ่มทริปที่เหนือของอิตาลี คือ มิลาน จบทริปที่ภาคใต้ของอิตาลี หรือ เนเปิ้ล (บินกลับไทย โดยต่อเครื่องภายในจากเนเปิ้ลไปโรม และต่อเครื่องจากโรมกลับไทย) ทัวร์อิตาลีตอนเหนือ บวกทัวร์อิตาลีกลาง บวกทัวร์อิตาลีตอนใต้ ครบหมด ไปครึ่งเดือน เต็มอิ่ม เรียกได้ว่าทัวร์แกรนด์อิตาลีอย่างแท้จริง เก็บเมืองเล็ก เมืองใหญ่ครบถ้วน

 

การจองตั๋วเครื่องบิน

กรุงเทพ - มิลาน

เนเปิ้ล - กรุงเทพ


ทัวร์ส่วนตัวยุโรป ทัวร์ลัตเวีย-ลิทัวเนีย

Day 1 - Milan - Lake Como - Overnight Lake Como

Day 2 - Sirmione - Bolzano - Overnight Bolzano

Day 3- Cortina d'Ampezzo - Overnight Cortina d’Ampezzo

Day 4 - Venice - Overnight Venice

Day 5 - Murano & Burano Island - Venice - Overnight Venice

Day 6 - Bologna - Florence - Overnight Florence

Day 7 - Chianti - Florence - Overnight Florence

Day 8 - Siena - San Gimignano - Overnight Pisa

Day 9 - Cinque Terre - Overnight Cinque Terre

Day 10 - Rome - Vatican City - Overnight

Day 11 - Sperlonga - Capua - Sorrento - Overnight

Day 12 - Capri Island - Overnight Capri

Day 13 - Sorrento - Amalfi Coast - Positano - Amalfi - Ravello - Salerno - Overnight Salerno

Day 14 - Pompeii - Naples - Overnight Naples

Day 15 - Naples - Airport - end  

 

1 Milan - Lake Como - Overnight Lake Como 

มิลาน เมืองแฟชั่นโลก - ทะเลสาปโคโม ยอดฮิตฮอลลีวู้ด รับท่าน ณ สนามบินกรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ตามเวลากำหนด จากนั้นเดินทาง 100 กม. ไป SERRAVALLE DESIGNER OUTLET เอ้าท์เล็ตแบรนด์เนมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แบรนด์ เช่น Gucci , Prada , Armani , Burberry อิสระให้ชอปปิ้งจุใจแบบทริปส่วนตัว เวลาเลือกเอง จะเที่ยวช้าหรือเร็ว อยู่ที่ท่านกำหนดเอง เดินทางไป Lake Como ทะเลสาบโคโมซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี สถานที่ถ่ายทำหนังเจมส์ บอนด์ ถือเป็นทะเลสาปที่ใหญ่อันดับสามของอิตาลี อยู่ใกล้พรมแดนสวิส นำชมเมืองน่ารักๆ รอบทะเลสาปโคโม ที่ดังที่สุด เช่น เบลลาโจ้ (Bellagio) เมืองวาเรนนา (Varenna) และพานั่งเรือ Taxi ไปชมวิลล่ากลางทะเลสาป หากมีเวลาเหลือ นำชมวิลล่าชื่อดังในเกาะ ได้แก่ วิลล่า Villa Carlotta และ Villa del Balbianello ค้างคืนแถบ Lake Como 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

2 Sirmione - Bolzano - Overnight Bolzano ซีร์มิโอเน่ แห่งทะเลสาปกาด้า - อุทยานแห่งชาติโดโลไมตต์

วันแรก - บาลซาโน่ ออกเดินทางไประยะทาง 200 กม. ไปยังเมืองซีร์มิโอเน่ (Sirmione) เมืองริมทะเลสาป Lake Garda ทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี เป็นเมืองสวยงามและเก่าแก่ มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดเมืองหนึ่ง เพราะตัวเมืองเป็นแหลมยื่นไปในทะเลสาป แปลกตา ตัวเมืองเก่าแก่ ตัดด้วยน้ำล้อมรอบ ถือเป็นมุมทรงเสน่ห์อย่างมาก จากนั้นเดินทางไปเขตอุทยานแห่งชาติโดโลไมตต์ ทางตอนเหนือของอิตาลี ระยะทาง 158 กม. เมืองแรกแวะเที่ยวเมืองโบลซาโน (BOLZANO) เมืองนี้เป็นประตูสู่อุทยานแ และเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคทีโรลใต้ (South Tyrol) ซึ่งล้อมรอบด้วยแม่น้ำ นิตยสาร NATIONAL GEOGRAPHIC เคยถ่ายทำสารคดี การค้นพบซากมนุษย์ที่ฝั่งอยู่ใต้หิมะบนยอดเขาสูงในแคว้นทีโรลของออสเตรีย และนำร่างนั้นมาไว้ที่เมืองโบลซาโน่ เรียกกันว่ามนุษย์หิมะแห่งโบลซาโน่ เดินเที่ยวเมืองนี้ และชมวิวเขาแปลกตารอบๆ เมือง สลับกับทุ่งหญ้างดงาม ค้างคืนที่แถบเมือง Bolzano 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

3 Cortina d'Ampezzo - Overnight Cortina d’Ampezzo อุทยานแห่งชาติโดโลไมตต์ วันที่สอง
ช่วงเช้าออกเดินทาง 35 กม. ไปเมืองออร์ติเซ่ (ORTISEI) ศูนย์กลางอุทยานโดโลไมท์ ที่อยู่ในหุบเขา มีเทือกเขาล้อมตระการตา หากอากาศดี เราจะ นั่งกระเช้าขึ้นสู่บนเนินเขาที่เรียกว่า ALPE DI SIUSI ชมวิวทิวทัศน์เทือกเขาโดโลไมท์ ทุ่งหญ้าราบเลียบบนภูเขา ที่ได้ขึ้นชื่อว่ากว้างใหญ่ที่สุดในยุโรป หรือจะเลือกขึ้นเคเบิ้ลที่ Tofana ซึ่งวิวงดงามเช่นกันแทนก็ได้ เดินทางระยะทาง 60 กม. สู่เมืองคอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (CORTINA D’AMPEZZO) เมืองสกีรีสอร์ทที่ดังที่สุดในโดโลไมต์ เคยถ่ายทำหนังเจมส์บอนด์ 007 สมญานามว่าไข่มุกแห่งเทือกเขาโดโลไมท์ พาเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย จากนั้น เดินทางต่อไป 50 กม. ชมทะเลสาบเบรียส (BRAIES) ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ FANES SENNES BRAIES เขตป่าสงวนที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเทือกเขาโดโลไมท์ มีตำนานว่า ทุกๆ 100 ปี ที่นี่จะมีประตูเปิดสู่ดินแดนใต้ภิภพ และในคืนนั้นพระจันทร์จะเต็มดวง เจ้าหญิงจะออกมาพายเรือรอบๆ และเป่าแตรดังไปทั่วบริเวณ ค้างคืนแถบทะเลสาป หรือหมู่บ้านรอบๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 4 Venice - Overnight Venice เกาะเวนิส สวรรค์บนน้ำ วันแรก

เดินทาง 200 กม. ไปเกาะเวนิส ตั้งอยู่ในทะเลเอเดรียติก (Adriatic Sea) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดังที่สุดของอิตาลี ตัวเมืองสร้างขึ้นบนเกาะที่ทำจากเสาไม้ จึงใกล้ถึงเวลาล่มสลายในอีกไม่กี่สิบปี เมืองแห่งสายน้ำ เอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ไม่มีถนนรถวิ่ง มีแต่คลอง และเรือกอนโดล่า บ้านเรือนเก่าแก่ เกาะ สะพาน ตลาด และโบสถ์วังต่างๆ อยู่รวมกันอย่างอลังการงานสร้าง นั่งเรือชมแกรนด์ คาแนล จากนั้นเดินชมเกาะเวนิชครบไฮไลต์ ได้แก่ โบสถ์ซานมาร์โค มหาวิหารซานมาร์โก้ โบสถ์สำคัญแห่งเมืองเวนิส หลังคาของมหาวิหารซานมาร์โกสร้างแบบโดมสุเหร่าของศาสนาอิสลาม โดมกลางมีขนาดใหญ่ที่สุด ประดับโมเสกสีทองอร่ามตั้งแต่หลังคาจรดพื้น จึงได้รับสมญานามว่า “Church of Gold” ชมพระราชวังดอจ เป็นพระราชวังสไตล์โกธิค ของดยุคผู้ครองเมืองเวนิส ภายในพระราชวังประดับด้วยทองคำ และมีภาพจิตรกรรมมากมาย ชมสะพานชื่อดัง สะพานรีอัลโต ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปมากที่สุด ซึ่งอีก 2 สะพานที่มีชื่อเสียง คือ Accademia Bridge และ Scalzi Bridge เพราะสะพานแห่งนี้มีความเก่าแก่ที่สุด ตอนเย็นรับประทานอาหารร้านดัง และล่องเรือกอนโดล่า หากต้องการ ค้างคืนที่เกาะเวนิส คืนแรก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

5 Murano & Burano Island - Venice - Overnight Venice เวนิส วันที่สอง นั่งเรือไปเกาะมูราโน่ และบูราโน่
พานั่งเรือไปชมเกาะแห่งสีสัน “มูราโน่” เกาะนี้ผู้คนมีอาชีพทำเครื่องแก้วแบบโบราณเป็นเอกลักษณ์ ท่านสามารถเลือกชมพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องแก้ว ที่มูราโน่ และชอปปิ้งของพื้นเมืองมากมาย จากนั้นนั่งเรือไปยังเกาะ “บูราโน่” ชมความงามของบ้านเรือนน่ารักๆ และพิพิธภัณฑ์ผ้าลูกไม้ ที่บูราโน่ เป็นเกาะที่ชาวบ้านมีฝีมือทำผ้าลูกไม้ กลับมายังเกาะเวนิส พาขึ้นหอระฆังซานมาร์โก สูงถึง 98 เมตร ที่ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิหารซานมาร์โก ที่นี่เป็นอีกแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ และยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมวิวสวยๆ ของเมืองเวนิส อิสระชอปปิ้งตามอัธยาศัย และตอนเย็น ชมคอนเสิร์ตหากต้องการ ค้างคืนที่เกาะเวนิส คืนที่สอง 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

6  Bologna - Florence - Overnight Florence โบโลญญา เมืองต้นกำเนิดไส้กรอก - ฟลอเรนซ์ เมืองแห่งดาวินซี
เดินทาง 160 กม. ไปเมืองโบโลญญ่า (Bologna) เป็นเมืองที่ทัวร์ไม่ค่อยแวะ แต่หากท่านต้องการแวะ สามารถเลือกได้ เพราะเป็นเมืองทางผ่านอยู่แล้ว เมืองนี้เมืองหลวงของแคว้น มีมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดคือ "Alma Mater Studiorum" ที่ก่อตั้งในปี 1088 เป็นเมืองหนึ่งที่พัฒนามากที่สุดในอิตาลี มักติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของเมือง ในแง่ของคุณภาพชีวิตในอิตาลี และมีวัฒนธรรมอาหารพื้นเมืองน่าสนใจ อร่อยๆ มากมาย แวะเที่ยวจตุรัสใจกลางเมืองโบโลญญ่า และรับประทานอาหารเที่ยง จากนั้นเดินทาง 120 กม. ต่อไปยังเมืองฟลอเรนซ์ เมืองหลวงของแคว้นทัสคานี เมืองแห่งศิลปะแบบอิตาลี (หากท่านไม่แวะโบโลญญา ก็จะมีเวลาเที่ยวฟลอเรนซ์ได้มากขึ้น) ฟลอเรนซ์ เมืองหลวงของทัสคานี ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน ศูนย์กลางทางศิลปะและสถาปัตยกรรม ในยุคกลางฟลอเรนซ์เป็นที่รู้จักกันในนามว่าเอเธนส์ ใจกลางเมืองเก่าของฟลอเรนซ์ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พาชมมหาวิหารเลื่องชื่อ Santa Maria del Fiore ที่ทำด้วยหินอ่อนสามสี และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในอิตาลี ชมพิพิภัณฑ์รูปปั้นเดวิด ผลงานของไมเคิล แองเจลโล่ ที่ Galleria dell’ Accadem-ia และพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ตามต้องการ (ควรจองตั๋วล่วงหน้า) ค้างคืนที่ฟลอเรนซ์คืนแรก


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

7  Chianti - Florence - Overnight Florence แคว้นทัสคานี ไร่ไวน์กีอันติ
ออกเดินทางไปเพียง 50 กม. ก็จะไปถึงแถบกีอันติ ไร่ไวน์ชื่อดังของอิตาลี หมู่บ้านที่สร้างตั้งแต่ยุคกลาง หนึ่งในแคว้นทัสคานีที่โด่งดังในการปลูกองุ่น ผลิตไวน์ โบสถ์ที่มีมนต์ขลัง ปราสาทแสนอลังการ หมู่บ้านบนเนินเขาที่งดงาม ไร่องุ่น และพื้นที่ชนบทที่สวยงาม มีทิวทัศน์งดงามตามแบบฉบับของทัสคานี คือต้นสน ไร่ไวน์?และชาร์โต้ทำไวน์เก่าแก่ เป็นแคว้นที่ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกองุ่นพันธุ์ดี และบ่มไวน์ชั้นเลิศของโลก มีบ้านพักอาศัยที่สร้างมาตั้งแต่ยุคกลางกระจายทั่วแคว้น ขึ้นชื่อด้านการผลิตไวน์มามากกว่า 2,000 ปี และได้รับการขนานนามว่าเป็นแคว้นแห่งไวน์ในศตวรรษที่ 13 ท่านสามารถจองทัวร์ชมไร่ไวน์และเทสติ้งไวน์ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลได้ในวันนี้ หรือเดินป่า ถีบจักรยานรอบชนบทแสนสวย ชิมไวน์เคียนติหลากหลายชนิดหรือไวน์ และกลับมานอนที่ฟลอเรนซ์คืนที่สอง หรือเลือกที่พักแบบชาร์โต้ในแถบกีอันติ ก็จะเป็นประสบการณ์แบบทัสคานีเลยทีเดียว โปรแกรมวันนี้ จะขับรถพาชมหมู่บ้านที่สร้างมากว่าหลายร้อยศตวรรษ เช่น - เมืองเกรเว่ อิน เคียนติ Greve in Chianti เลือกซื้อสินค้ากับร้านค้าที่เรียงรายตลอดทางเดิน โอบล้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ - หมู่บ้านแรดด อิน เคียนติ Radda in Chianti เมืองที่ถูกล้อมในกำแพงที่สร้างมาตั้งแต่ยุคกลาง ชมป้อมปราการที่สร้างในศตวรรษที่ 15 - ชมสวนประติมากรรม Chianti Sculpture Park ในเมือง Pievasciata ผลงานทางศิลปะจากศิลปินทั่วโลกที่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นโอ้ค เมืองแคสเตลลินา อิน เคียนติ Castellina in Chianti สุสานของชาวอิทรูเรียโบราณ กรุณาเลือกตามเวลาเอื้ออำนวย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

8  Siena - San Gimignano - Overnight Pisa เมืองมรดกโลกเซียน่า ซันจีมิญญาโน หอเอนเมืองปิซ่า
เดินทาง 80 กม. ไปยังเมืองเซียน่า (Siena) อีกหนึ่งเมืองมรดกโลก ที่มีเอกลักษณ์ของอิตาลี ในเมืองยุคกลางที่ถือว่าเป็นคู่แข่งของเมืองฟลอเรนซ์ มีชื่อเสียงทางศิลปะและสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะบริเวณใจกลางเมืองเก่าของเมืองเซียนาซึ่งเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ พาชมความงดงามของ มหาวิหารเซียนา (Siena Cathedral) หรือ ดูโอโมดิเซียนา (Duomo di Siena) ภายในตกแต่งด้วยแถบหินอ่อนขาวสลับเขียวดำ สวยงามเป็นเอกลักษณ์ยิ่ง ชมใจกลางเมืองคือ เปียสซ่า เดล คัมโป (Piazza del Campo) พื้นที่จัตุรัสหลักที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองเซียนา อีกทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นจัตุรัสยุคกลางที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ได้เวลาพอสมควร เดินทาง 50 กม. ไปยังเมืองซันจีมิญญาโน (San Gimignano) อีกเมืองเล็กน่ารักที่ครองใจมหาชน ตั้งอยู่เหนือหุบเขาสูงอยู่เหนือชนบทอันเขียวขจีของทัสกานีเสมือนราวกับอยู่ในความฝัน อดีตที่เป็นจุดหยุดพักสำหรับเหล่านักแสวงบุญ ถือกันว่าเป็นเมืองยุคกลางที่งดงามที่สุดในอิตาลี พาชมใจกลางซันจีมิญญาโน คือย่านเมืองเก่าที่มีกำแพงล้อมอันน่าหลงใหล เดินท่องไปตามถนนที่ปูด้วยอิฐแห่งนี้เพื่อถือโอกาสย้อนรอยประวัติศาสตร์ 700 ปี และจัตุรัส ปีอัซซา ดูโอโม เป็นหนึ่งในสามจัตุรัสกลางที่เชื่อมโยงถึงกัน ได้เวลาพอสมควร เดินทาง 80 กม. ไปยังปิซ่า พาชมหอเอนเมืองปิซ่า สิ่งมหัศจรรย์ของโลก และค้างคืนที่ปิซ่า 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

9 Cinque Terre - La Spezia - Overnight La Spezia / or Cinque Terre ริเวียร่าของอิตาลี - เมืองริวอ่าวทั้ง 5 ชิงเกว่ แตร์เร - ลาสเปเซีย
เดินทาง 80 กม. ไปเมืองลาสเปเซีย และขึ้นเรือหรือรถไฟไปเที่ยวเมืองมรดกโลก 5 เมืองริมอ่าวสุดงาม ชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE) ตั้งอยู่บนชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี CINQUE TERRE มีความหมายว่า ห้าดินแดน (FIVE LANDS) ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่ง ได้แก่ MONTEROSSO AL MARE, VERNAZZA, CORNIGLIA, MANAROLA และ RIOMAGGIORE โดยเฉพาะหมู่บ้านริโอแมกจิโอเร (RIOMAGGIORE) และมานาโรล่า (MANAROLA) จะน่ารักมากเป็นพิเศษ หมู่บ้านริมอ่าวที่ทัศนียภาพงดงาม อลังการ ตราตรึงใจ ใช้เวลาทั้งวัน เที่ยวในแต่ละอ่าวตามเวลาเอื้ออำนวย จากนั้นเดินทางมาค้างคืนที่เมือง ลา สเปเซีย หรือจะค้างคืนที่เมืองริมอ่าว บนเกาะก็ได้ แต่ที่พักจำกัด และแคบ ไม่ค่อยสะดวกสบายนัก หากมีเวลาเหลือ สามารถเลือกเที่ยวเมือง ลา สเปเซีย (LA SPEZIA) หนึ่งในอ่าวที่มีความสำคัญทางด้านการค้าและการทหารของอิตาลีได้ด้วยค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


10  Rome - Vatican City
นำท่านชมนครรัฐวาติกัน (Vatican City) ตั้งอยู่ในกรุงโรมเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปาซึ่งเป็นประมุขของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก จัดว่าเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลก (0.44 ตารางกิโลเมตร) โดยมีศูนย์กลางคือ St. Peter's Basilica พาชม Vatican Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมงานศิลปะทั้งหลายไว้มากมาย โดยมีห้องที่เป็นไฮไลต์คือ Sistine Chapel ซึ่งมีภาพวาดที่โด่งดังคือ The Creation of Adam อยู่ ชม St. Peter's Square และ St. Peter's Basilica สัญลักษณ์ของการมาเยือนนครรัฐวาติกัน ขึ้นบันไดจำนวน 551 ขั้นขึ้นไปยอดโดมเพื่อชมวิวมุมสูง มองย้อนออกมาเห็นจัตุรัสที่สวยงามและยิ่งใหญ่ จากนั้นกลับเข้ามาเที่ยวยังกรุงโรม พาชม Colosseum ซึ่งเป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโรมใช้ในการประลองของเหล่า gladiator, สัตว์ป่าและสัตว์ร้ายทั้งหลาย สร้างเสร็จตั้งแต่ปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็นรูปวงรี วัดโดยรอบได้ 527 เมตร สูง 57 เมตร จุคนได้กว่า 60,000 คน ที่นี่ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2550 จากนั้น พาชม Roman Forum ถือว่าเป็นศูนย์กลางด้านต่างๆ เช่น การประชุมทางการเมือง การปกครอง บูชาเทพเจ้า ฯลฯ ของกรุงโรมในสมัยโบราณ ใช้เวลาสร้างยาวนานมากถึง 900 ปี ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการ และพาชมจุดชมวิวบน Palatine Hill มองลงมาเห็น Roman Forum และ Colosseum ที่สวยงาม ค้างคืน Rome

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


11 - Sperlonga - Capua - Sorrento
วันนี้เดินทางสู่เมืองสเปอร์ลอนกา (Sperlonga) ระยะทาง 128 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง อยู่ห่างจากกรุงโรมลงไปทางใต้ อยู่กึ่งกลางระหว่างโรมกับเนเปิลส์ ชื่อเมืองนี้หมายถึง ถ้ำ เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวริมทะเล ตัวเมืองเก่าตั้งอยู่บนเขา มีทางเชื่อมเป็นบันไดหิน สามารถเดินลัดเลาะลงไปสู่ทะเลด้านล่างได้ มีชายหาดที่เป็นที่นิยมของชาวอิตาเลียนและนักท่องเที่ยวที่นิยมมาเยี่ยมชม และเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง คือ บ้านเรือนสีขาวที่สร้างเรียงรายลดหลั่นกันลงไป จากนั้นในตอนบ่ายเดินทางสู่เมืองคาปัว (Capua) ระยะทาง 80 กิโลเมตร พาชมเมืองโบราณคาปัว เมืองที่ถูกทำลายในระหว่างการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก ชม Santa Maria Capua Vetere Amphitheatre (Anfiteatro Campano หรือ Amphitheatre of Capua) ซากอัฒจันทร์โบราณที่ให้เห็นถึงร่องรอยประวัติศาสตร์ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซอร์เรนโต้ (Sorrento) ระยะทาง 81 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ เมื่อเดินทางมาถึงเมือง Sorrento หากท่านยังไม่เหนื่อยเดินเล่นชมเมืองได้ตามอัธยาศัย และพักค้างคืนที่เมืองนี้ ค้างคืน Sorrento

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 12  Capri Island

วันนี้พาท่านข้ามฝั่งมายังเกาะคาปรี (Capri Island) โดยเรือเฟอร์รี่ พาขึ้นกระเช้าชมวิวมุมสูงของเกาะ จากนั้นพาท่านชมถ้ำบลูกร็อตโต้ (Grotta Azzurra) เป็นหนึ่งในถ้ำน้อยใหญ่กว่า 10 แห่ง ณ เกาะคาปรี เหตุที่ถ้ำแห่งนี้แตกต่างจากแห่งอื่นจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเนื่องจากภายในถ้ำแห่งนี้นั่นถูกฉาบด้วยแสงสีฟ้าสวยงาม ที่เกิดจากสีของน้ำทะเลสะท้อนกับแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาจากปากทางเข้าถ้ำ เกิดเป็นภาพมหัศจรรย์ ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็น การเข้าไปชมความงามในถ้ำแห่งนี้นักท่องเที่ยวมักจะพายเรือลอดเข้าไปในถ้ำที่สูงจากระดับน้ำทะเลเพียงเมตรเศษ ๆ ดังนั้นจึงต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ, ระดับน้ำขึ้น-ลงและสภาพของคลื่นทะเลในวันนั้นๆ ด้วยว่าสามารถเข้าไปในถ้ำได้หรือไม่ ค้างคืน Capri Island

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

13 Sorrento - Amalfi Coast - Positano - Amalfi - Ravello - Salerno
วันนี้ช่วงเช้า พาชมเมืองซอร์เรนโต้ เมืองตากอากาศเล็ก ๆ ที่มีชื่อเสียงมาก ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูง และไล่ระดับลงมาตามความลาดชันจนลงมาถึงระนาบเดียวกันกับหาดทรายสีเทาที่ได้รับการจัดระเบียบไว้อย่างเรียบร้อย และมีชายฝั่ง Amalfi ที่เลียบริมทะเลไปตามหน้าผายาว 50 กิโลเมตร ชมจัตุรัสทาซโซ่ (Piazza Tasso) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง เป็นจัตุรัสที่มีชีวิตชีวา มีร้านรวงที่ตั้งเรียงรายตลอดสองข้างทางของถนนสายที่ได้ชื่อว่าเป็นช้อปปิ้งสตรีทอันมีชื่อเสียงของเมืองซอร์เรนโต้ และยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์ วิหาร ที่มีความโดดเด่นงดงามเป็นเอกลักษณ์ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบารอค จากนั้นพาท่านเดินทางลัดเลาะชายฝั่ง Amalfi Coast ที่มีความสวยงามซี่งได้รับการยกย่องว่าเป็นชายฝั่งที่สวยที่สุดในยุโรป เส้นทางจะเลียบไปตามหน้าผาสูงชันมุ่งหน้าตรงไปยัง 3 เมืองหลัก เมืองแรกคือ Positano (16 กิโลเมตร) แวะชมโบสถ์ซานตา มาเรีย อัสสันต้า ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง เพลิดเพลินกับการชมบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายลดหลั่นกันไปบนหน้าผา กระทั่งเดินทางมาถึงเมืองอมัลฟี (Amalfi) ระยะทาง 16 กิโลเมตร ชมโบสถ์ขนาดใหญ่ Amalfi Cathedral ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง มีบันไดขนาดใหญ่สไตล์ลอมบาร์ด - นอร์แมนอยู่ด้านหน้า ภายในมีความโออ่าวิจิตรตระการตาเป็นอย่างมาก ออกเดินทางต่อยังเมืองราเวลโล (Ravello) ที่อยู่ห่างไปเพียง 7 กิโลเมตร ซึ่งหมู่บ้านเล็ก ๆ ของแคว้นคัมพาเนีย ที่มีความงามทั้งทางกายภาพและความหลากหลายทางธรรมชาติ รวมไปถึงความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น จึงได้รับการบรรจุไว้รายชื่อมรดกโลกของอิตาลี ในปี ค.ศ.1997 จากองค์การยูเนสโก พาชม Villa Rufolo เป็นอาคารและสวนขนาดย่อมที่อยู่ภายในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ในย่านจัตุรัสหลักของเมืองสไตล์มัวร์ ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับ รวมไปถึงหอคอยโบราณสูงประมาณ 30 เมตร จากนั้นพาท่านเดินทางสู่เมือง Salerno ระยะทาง 44 กิโลเมตร และพักค้างคืนที่เมืองนี้ ค้างคืน Salerno

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

14  Pompeii - Naples
เดินทางไปยังนครปอมเปอี (Pompeii) ปอมเปอีเป็นเมืองโรมันโบราณที่ถูกภูเขาไฟวิสุเวียสถล่มด้วยลาวาจนเมืองหายไปทั้งเมืองในชั่วเวลาเพียงข้ามคืน ชมซากเมืองโบราณที่ถูกขุดขึ้นภายหลัง ตึกรามบ้านช่อง วิหารเทพเจ้า ตลาด โรงละครโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ ที่นักโบราณคดีได้ขุดค้นพบโดยมีสภาพที่ยังสมบูรณ์อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง เดินทางสู่เมือง Naples ชมจัตุรัสหลักของเมืองเนเปิลส์ที่เรียกว่า Piazza del plebiscito ชม National Archaeological Museum พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ เป็นอาคารทรงเก่าสีแดง ที่เก็บชิ้นงานศิลปะและรูปปั้น ซึ่งส่วนใหญ่ถูกนำมาจากซากปรักหักพังของปอมเปอี โดยภายในเต็มไปด้วยรูปปั้นขนาดใหญ่ยักษ์ ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเรานั้นช่างเล็กเหลือเกิน นั่งรถรางขึ้นไปชมความสวยงามของเนเปิลส์จากมุมสูง ที่จุดชมวิวคาสเทลซานเอลโม (Castel Sant'Elmo) จากนั้นพาชมโบสถ์ประจำเมืองเนเปิลส์หรือ Naples Duomo (Duomo di Napoli) ซึ่งโบสถ์แห่งนี้เป็นศูนย์รวมใจของคริสต์ศาสนิกชนชาวเนเปิลส์มาช้านาน จากนั้น นำเดินทางไปยังเอาต์เล็ตต์ เพื่อชอปปิ้งที่ La Reggia Designer Outlet ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 27 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ที่นี่ท่านจะได้ซื้อสินค้าแฟชั่นแบรนด์อิตาลีมากมายรวมถึงแบรนด์ระดับโลกอื่น ๆ ค้างคืน Naplesbr 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

15  Naples - Airport
วันนี้ เราพาท่านส่งสนามบินกรุงเนเปิ้ล (Naples International Airport) ตามเวลากำหนด หากเที่ยวบินของท่านเป็นช่วงเย็น สามารถเที่ยวเก็บตกในเนเปิ้ลได้อีก จากนั้นพาท่านส่งสนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯก่อนเวลา 3 ชม. 

 

ราคา
ค่ารถตู้พร้อมคนขับ ราคาเริ่มต้นวันละ 35,000 บาท


ราคารวม
1. ค่ารถตู้พร้อมคนขับ (ราคารวมค่าน้ำมัน ทางด่วน โรงแรมและอาหารของคนขับแล้ว)
2. ค่าประกันการเดินทางแบบกลุ่ม ตามกฏหมายกำหนด คุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์


ราคาไม่รวม
1.โรงแรมของท่าน
2.ที่จอดรถ จ่ายเป็นรายครั้งไป ตามโปรแกรมท่านเลือกเที่ยวจริง
3.กรณีรถโค้ช ราคาไม่รวม City permit จ่ายเป็นรายครั้งไป ตามโปรแกรมท่านเที่ยวจริง, หากมีเอารถลงเรือ Ferry จ่ายเองหน้างานตามจริง
4.ทิปคนขับ ตามพอใจ แนะนำ วันละ 40 ยูโร/คณะ
5.อื่น ๆ ที่ไม่เขียนว่ารวม เช่น อาหารเที่ยงและเย็น ค่ายกกระเป๋า ณ โรงแรมที่พัก ค่าวีซ่าและค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ ตั๋วท่องเที่ยว จ่ายหน้างานเองตามจริง ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และหัก ณ ที่จ่าย 3%
6.หากต้องการหัวหน้าทัวร์ จ่ายเพิ่มวันละ 17,500 บาท ราคารวมโรงแรมและอาหารหัวหน้าทัวร์แล้ว


การจ่ายเงิน
• งวด 1 มัดจำ คณะละ 5,350 บาท สามารถจองผ่านบัตรเครดิต ผ่านหน้าระบบเวบไซต์ได้เลย จากนั้นเราจะออกใบจองทัวร์คอนเฟิร์มให้ท่าน (หากทริปไม่คอนเฟิร์ม จะคืนเงินให้ 100% ภายใน 7 วัน)
• งวดที่ 2 ท่านละ 5,000 บาท ภายใน 7 วัน หลังจากได้รับการคอนเฟิร์มแล้ว
• งวดที่ 3 ท่านละ 25,000 หลังจากวีซ่าผ่านแล้ว หรือ/และก่อนเดินทาง ไม่น้อยกว่า 30 วัน
• งวดที่ 4 ท่านละ ที่เหลือ วันที่ 2 ของทริป หลังจากเราไปรับท่านแล้ว (เพื่อความมั่นใจ)